วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

Material And Equipment for Interior Design

สวัสดีครับบทความนี้เราจะพูดถึงวัสดุและอุปกรณ์สำหรับงานตกแต่งภายในโดยเฉพาะเลยครับ ลองสังเกตุดูสิครับว่าเดี๋ยวนี้วัสดุและอุปกรณ์สำหรับงานตกแต่งภายในมีมากมายให้เราได้เลือกใช้ในงานออกแบบอย่างมากมายจนบางครั้งเลือกไม่ถูกเลย วัสดุบางตัวก็ใหม่มากจนไม่กล้าใช้ บางอย่างเป็นวัสดุสังเคราะห์แทนวัสดุธรรมชาติ ซึ่งถ้าเอามาพูดคุยกันโดยไม่แยกหมวดหมู่แล้วผมว่ามีสับสนแน่นอน งั้นเรามาแยกหมวดหมู่เป็นกลุ่มใหญ่กันก่อนดีกว่านะครับจะได้เข้าใจกันง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นจาก
1. ไม้ (Wood)


พูดถึงไม้น่าจะเป็นวัสดุที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดและถูกใช้อย่างแพร่หลายในทั่วทุกประเทศ
ซึ่งถ้าเราจะจำแนกพันธุ์ไม้ที่มีอยู่เกือบ 40,000ชนิด ออกเป็นจำพวกใหญ่ก็น่าจะแบ่งได้เป็น
1. ไม้เนื้ออ่อน(Softwoods)
โดยทั่วไปไม้เนื้ออ่อนจะเติบโตได้ดีในแถบประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างเย็น เป็นไม้ที่ได้จากต้นไม้จำพวกสน Coniferae ลักษณะใบเรียวเล็ก (Needle leaves) ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวย (Cone)โครงสร้างของไม้เนื้ออ่อนเป็นแบบธรรมดาซึ่งแตกต่างจากไม้เนื้อแข็งอย่างชัดเจน และมีความเหมาะสมในการใช้งานก่อสร้างได้ เนื้อไม้ของไม้สนหลายชนิดค่อนข้างอ่อนจึงง่ายต่อการไสตบแต่ง มีน้ำหนักเบาแต่ก็แข็งพอที่จะใช้สำหรับงานก่อสร้างโดยทั่วไปได้ลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนก็คือสีของไม้ค่อนข้างซีด เนื้ออ่อน ลายละเอียดและมักจะมีตาค่อนข้างเยอะ จึงมักถูกใช้เป็นวัสดุพื้นฐานในงานก่อสร้างประเภทต่างๆ รวมทั้งงานตกแต่งภายในด้วย แต่มักจะเป็นอาหารของแมลงกินไม้จึงมักจะต้องป้องกันด้วยน้ำยาป้องกันปลวกและแมลงก่อนนำมาใช้
2.ไม้เนื้อแข็ง(Hardwoods)
เป็นไม้ที่เติบโตได้ดีทั้งในแถบภูมิอากาศที่ร้อนและเย็นคุณสมบัติที่เด่นก็คือความแข็งแรงทนทานและรับน้ำหนักได้ดีเป็นไม้ที่ได้มาจากต้นไม้ที่มีใบกว้าง (broad leaved trees) ซึ่งเป็นไม้จำนวนมากที่มีอยู่ในป่าไม้ของประเทศไทยด้วย ลักษณะโครงสร้างของไม้เนื้อแข็งมีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าไม้เนื้ออ่อน และมีลักษณะแตกต่างระหว่างไม้เนื้อแข็งด้วยกันเองมาก คุณสมบัติของไม้เนื้อแข็งมีความแตกต่างระหว่างพวกไม้เนื้อแข็งด้วยกันทั้งในด้านความแข็งแรงของการรับน้ำและความแข็งของเนื้อไม้
ไม้ทั้งสองชนิดมีหลายชนิดที่ถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างและตกแต่งภายใน แต่ผมจะนำมากล่าวถึงเฉพาะทีเป็นที่นิยมและเหมาะสมต่อการนำมาใช้งานในบ้านเราโดยจะกล่าวโดยรวมทั้งสองประเภท
เรามาเริ่มต้นกันที่ไม้ยอดนิยมของบ้านเราก่อนดีกว่านะครับ
1. ไม้สัก
ไม้สัก จัดเป็นประเภทไม้เนื้ออ่อน มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Teak และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tectona grandis อยู่ในวงค์ Verbenaceae มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนใต้ของประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะอินเดียตะวันออกไม้สัก เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ขึ้นเป็นหมู่ในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ และบางส่วนของภาคกลางและตะวันตก คือ ในท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ สำพูน เชียงราย สำปาง แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ และพิจิตรและมีบ้างเล็กน้อยในจังหวัด นครสวรรค์ อุทัยธานี และกาญจนบุรี ลักษณะเนื้อไม้ สีเหลืองทอง ถึงสีน้ำตาลแก่ มีลายเป็นเส้นสีน้ำตาลแก่แทรก เสี้ยนตรง เนื้อหยาบ แข็งปานกลาง เลื่อยใสกบ ตบแต่งง่าย ไม้สัก ปลวกและมอดไม่ทำอันตราย เพราะในเนื้อไม้สักมีสารเคมีพิเศษอยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อ O-cresyl methyl ether สารเคมีชนิดนี้ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ของกรมป่าไม้ มีคุณสมบัติ เมื่อทาหรืออาบไม้แล้วไม้จะมีความคงทนต่อ ปลวก แมลง เห็ดราได้อย่างดียิ่ง นอกจากนี้ในไม้สักทอง ยังพบว่ามีทองคำปนอยู่ 0.5 ppm. (past per millions)(1p.p.m.คือ 1 ส่วนของตัวถูกละลายต่อ 1 ล้านส่วนของตัวทำละลาย)(ไม้สักทอง 26 ต้น มีทองคำหนัก 1 บาท) ส่วนงานตกแต่งที่ทำจากไม้สักที่มีชื่อเสียงคือพระที่นั่งวิมานเมฆเป็นสิ่งปลูกสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2. ไม้มะค่า
ไม้มะค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม้มะค่าโมงเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีค่าทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับที่สองรองจากไม้สักและ เป็นไม้ที่หายากชนิดหนึ่งไม้มะค่ามีคุณสมบัติทีดีคือเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานมีลวดลายไม้ที่สวยงามมาก เนื้อไม้ ทีทั้งที่ออกสีเหลือง อ่อน และ สีออกเหลืองอมชมพู ไม้มะค่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวมาก อยู่ในระหว่าง 100-300 ปี เป็นต้นไม้ที่มีีขนาดใหญ่มากมึค่าความถ่วงจำเพาะ อยู่ที 0.85-0.99 (สงสัยหล่ะสิครับว่าความถ่วงจำเพาะคืออะไร อ่านต่อไปครับ) จึงมีเนื้อไม้ที่มีความหนักแน่น มักจะนิยมใช้กันใช้ใน อุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ รวมถึง งานตกแต่งทั้งภายในและภายนอก อาทิเช่น ไม้พื้น ไม้บันได ไม้ฝ้า เพดาน บัวไม้ วงกบ ประตู หน้าต่าง คานไม้และไม้แปรรูปทั่วไป เป็นต้น แหล่งไม้ พบได้ในประเทศไทย ลาว พม่า กัมพูชา เป็นต้น
ความถ่วงจำเพาะ
ความหมาย
น. อัตราส่วนของนํ้าหนักของเทหวัตถุกับนํ้าหนักของสารมาตรฐานที่มีปริมาตรเท่ากับเทหวัตถุนั้น โดยทั่วไปใช้นํ้าบริสุทธิ์ที่อุณหภูมิ ๔ องศาเซลเซียส. เป็นสารมาตรฐาน. (อ. specific gravity).
3. ไม้ตะแบก
ไม้ตะแบกจัดอยู่ในประเภทไม้เนื้อปานกลางมีความถ่วงจำเพาะที่ 0.72 เป็นไม้เศรษฐกิจอีกประเภทหนึ่งที่ปัจจุบันนิยมนำมา ใช้้ในการตกแต่งที่อยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติที่ดีคือเป็นไม้ที่มีลวดลายไม้ที่สวยงามใกล้เคียงกับไม้สักเนื้อไม้จะออกสีอ่อนและมีเนื้อไม้ที่ไม่อ่อนไม่แข็งจนเกินไปจึงง่ายต่อการตกแต่ง และที่สำคัญคือเป็นไม้จริงที่มีราคาที่ไม่แพง และหาได้ไม่ยากนักใน ปัจจุบันมีผู้นิยมนำ มาใช้ใน อุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ รวมถึง งานกแต่งทั้งภายในและภายนอก อาทิเช่น ไม้พื้น บานประตู ไม้บันได ไม้ผ้า เพดาน บัวไม้แบะไม ้้แปรรูปทั่วไป เป็นต้น แหล่งไม้ พบได้ในประเทศไทย ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา
4.ไม้แดง
ไม้แดงเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีค่าทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นๆ มีความถ่วงจำเพาะอยู่ที่ 1.05ปัจจุบันจัดเป็นไม้หายาก มีคุณ สมบัติที่ดีคือมีความแข็งแรงมากทนทานมีลวดลายไม้ที่สวยงามเนื้อไม้มีสีแดงและแดงขึ้นเรื่อยๆเมื่อถูกทิ้งไว้นานๆไม้แดงส่วนใหญ่ เป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวมาก และเป็นต้นไม้ทีมีขนาดใหญ่ ปัจจุบันมักนิยมใช้ในอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ รวมถึง งานตกแต่ง ทั้ง ภายในและภายนอก เช่น เสาเรือนไม้ ไม้พื้น ไม้บันได ไม้ฝ้าเพดาน บัวไม้ คานไม้เพื่อโชว์ และไม้แปรรูปทั่วไป แต่เนื่องจากเป็น ไม้ที่มีความถ่วงจำเพาะสูง จึงไม่ค่อยนิยมใช้ทำวงกบ บาน ประตู และหน้าต่าง เป็นต้น แหล่งไม้ พบได้ในประเทศไทย ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา
5.ไม้เต็ง
ไม้เต็งเป็นไม้เนื้อแข็งที่ีค่าทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นๆเช่นกันมีความถ่วงจำเพาะที่1.07 หาได้ไม่ยาก ไม้เต็งมีอยู่หลาย ชนิดเช่น ไม้เต็งดง หรือ ไม้เต็งลาว , ไม้เต็งมาเลย์,ไม้เต็งซาบ้า,ไม้เต็งแดง,ไม้เต็งอินโด เป็นต้น นิยมเรียกชื่อตามแหล่งกำเนิดของไม้เพราะถึงแม้ว่าจะ มีสายพันธุ์ไม้เดียวกัน แต่มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันทีเดียวนัก เช่นไม้เต็งลาวจะเป็นไม้ที่มีความหนาแน่นมากกว่าสีของไม้ออกเหลืองเพราะอยู่ในพื้นที่ไม่ร้อนชื้นเกินไปนัก , ไม้เต็งมาเลย์ก็จะมีคุณสมบัติใกล้เคียง แต่ไม้อาจจะมีความชื้นมากกว่าไม้เต็งลาว ไม้เต็งอินโดฯก็จะมีความชื้นมากกว่าจะทำให้ความหนาแน่นของไม้น้อยกว่าเพราะอยู่ในสภาพอากาศและป่าร้อนชื้น ไม้เต็งมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือว่าบางส่วนของ ต้นจะมีรูคล้าย ๆ รูมอด แต่จริง ๆ แล้วจะเป็นรูของเนื้อไม้โดยธรรมชาติที่เป็นรูระบายอากาศของต้นไม้และไม้เต็งบางชนิดเช่นเต็งอินโดฯบางครั้ง ลำต้นบางส่วนจะอยู่ไต้น้ำจึงต้องอาศัยการ ระบายอากาศออกทางรูเหล่านี้ แต่ในบรรดาไม้เต็งทั้งหลาย ก็จะมีไม้เต็งแดง อีกชนิดหนึ่งที่จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องรูอากาศเหล่านี้ แต่ความหนาแน่นและความถ่วงจำเพาะอาจจะไม่เท่ากับไม้เต็งชนิดอื่นไม้เต็งลำต้นมีขนาดปานกลางถึงใหญ่มากเป็นไม้ที่มีอายุยีนยาวเป็นไม้ที่นิยมมากเช่นกันในปัจจุบันนี้เนื่องจากเป็นไม้ที่ดีและราคาไม่แพงมากนัก อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายกว่าไม้ตัวอื่น มักจะนิยมใช้กันใน อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ รวมถึง งานตกแต่งทั้งภายในและ ภายนอก อาทิเช่น เสาเรือนไม้ ไม้พื้น (ต้องอบ) ไม้บันได ไม้ฝ้าเพดาน บัวไม้ คานไม้เพื่อโชว์ และ ไม้ แปรรูปทั่วไป แต่เนื่องจากเป็นไม้ที่มีความ ถ่วงจำเพาะสูงจึงไม่ค่อยนิยม ใช้ ทำวงกบ บานประตู และ หน้าต่าง เป็นต้น แหล่งไม้ พบได้ในประเทศไทย ลาว พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น

แต่จากการที่เรานำไม้มาใช้ในงานก่อสร้างและงานตกแต่งอย่างกว้างขวางมากขึ้น ทำให้เรามีการนำไม้ต่างมาแปรรูปเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและยังช่วยประหยัดทรัพยากรได้อีกด้วย ที่นิยมนำมาแปรรูปเพื่อการใช้งานมีหลายรูปแบบแต่ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ

1.ไม้อัด(plywood)
เกิดจากการรวมไม้หลาย ๆ ชนิดเข้าด้วยกันหรือทำจากไม้ชนิดเดียวกัน โดยการตัด ท่อนซุงให้มี ความยาวตามที่ต้องการ แล้วกลึงปอกท่อนซุง หรือฝานให้ได้แผ่นไม้เป็น แผ่นบาง ๆ มีความหนา ตั้งแต่ 1 ถึง 4 มิลลิเมตร แล้วนำมาอัดติดกันโดยใช้กาวเป็นตัว ประสานโดยให้แต่ละแผ่นมีแนวเสี้ยน ตั้งฉากกัน ชั้นนอกสุดจะเป็นแผ่นไม้ เรียกว่าแผ่นหน้า หรือแผ่นหน้าและหลัง ส่วนชั้นกลางเป็นขี้เลื่อย หรือเศษไม้ซ้อนระหว่างผิวหน้ากับแกนกลาง เรียกว่าแถบขวาง (Crossbands)
การอัดชั้นไม้อัดจะอัดทีละ 3,5หรือ 7ชั้น เกรดที่ดีที่สุดของไม้อัดคือ A-A (หน้าเรียบทั้งสองด้าน) A-B (หน้าเรียบด้านหนึ่ง หยาบด้านหนึ่ง) และ A-C (ด้านหลังคุณภาพต่ำ) แผ่นไม้จะถูกอบแห้งในเตาอบ ไม้อัด มีขนาด กว้าง 4 ฟุต ยาว 8 ฟุต หนา 4,6,8,10,15 และ 20 มิลลิเมตร ราคาก็จะมีความแตกต่างกัน
2.เอ็มดีเอฟ(MDF) Medium Density Fibreboard
เอ็มดีเอฟ (MDF ย่อจาก medium-density fiberboard) หรือ ไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นปานกลาง เป็นไม้วิศวกรรมประเภทหนึ่งสร้างขึ้นจากการบดไม้เนื้ออ่อน และมาอัดเป็นชิ้นไม้โดยประสานกันด้วยสารเคมีภายใต้อุณหภูมิและความดันสูง เอ็มดีเอฟมีลักษณะคล้ายไม้อัด แต่ลักษณะของโครงสร้างของไม้จะต่างกันโดยส่วนประกอบของเอ็มดีเอฟทำมาจากเยื่อไม้ ไม้เอ็มดีเอฟมีความหนาแน่นมากกว่าปาร์ติเกิลบอร์ดทั่วไป โดยเอ็มดีเอฟมีความหนาแน่นประมาณ 600-800 กก./ม³ ในขณะที่ปาร์ติเกิลบอร์ดไปมีความหนาแน่น 160-450 กก./ม³ ขณะที่ฮาร์ดบอร์ดจะอยู่ที่ 600-1450 กก./ม³สารเคมีที่นิยมนำมาประสานเอ็มดีเอฟคือ ฟอร์มัลดีไฮด์เรซินส์ (formaldehyde resins) นอกจากนี้ในการตัดชิ้นงานไม้เอ็มดีเอฟ ขณะที่ตัดจะมีปริมาณอนุภาคฝุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการทำงานควรจะทำงานในสภาวะที่มีการดูดควันและฝุ่นออก รวมถึงสวมหน้ากากในขณะที่ทำงานกับไม้เอ็มดีเอฟ
3.ชิพบอร์ด(Chipboard)

ปาร์ติเกิลบอร์ด (particleboard) หรือบางประเทศมีการเรียกว่า ชิปบอร์ด (chipboard) เป็นไม้วิศวกรรมประเภทหนึ่ง สร้างมาจากเศษชิ้นไม้ เช่นชิปไม้ หรือแม้แต่ขี้เลื่อย มาประสานกันโดยสารเคมีและนำมาทำการบดอัดด้วยความดันสูง ปาร์ติเกิลบอร์ดจัดเป็นไฟเบอร์บอร์ดชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับเอ็มดีเอฟ และฮาร์ดบอร์ด แต่ปาร์ติเกิลบอร์ดมีส่วนประกอบจากชิ้นไม้ที่ใหญ่กว่า

ปาร์ติเกิลบอร์ดเมื่อเปรียบเทียบกับไม้จริงและไม้อัด จะมีราคาที่ถูกกว่า ความหนาแน่นมากกว่า และมีเนื้อไม้ที่มีลักษณะเดียวกันทั้งชิ้น ขณะที่ความแข็งแรงของปาร์ติเกิลบอร์ดจะน้อยกว่า โดยเมื่อนำมาใช้งานนิยมนำวีเนียร์มาติดเป็นผิวหน้าเพื่อแสดงลายไม้ หรือบางครั้งนิยมนำมาทาสีตกแต่ง

ปาร์ติเกิลบอร์ดนั้นเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบาสุดในบรรดาไฟเบอร์บอร์ด ซึ่งความแข็งแรงก็น้อยกว่าเอ็มดีเอฟ และฮาร์ดวูด ข้อด้อยอีกอย่างของปาร์ติเกิลบอร์ดคือ ตัวเนื้อไม้มีการขยายตัวได้ง่ายเนื่องจากความชื้นโดยเฉพาะไม้ที่ไม่ได้มีการทาสี หรือว่าเคลือบซีลเลอร์ อย่างไรก็ตามปาร์ติเกิลบอร์ดนิยมนำมาใช้ในงานไม้ที่ใช้ในตัวอาคาร แทนที่งานภายนอกอาคารที่มีความชื้นสูง ปาร์ติเกิลบอร์ดนำมาใช้ตามเคาน์เตอร์ นำมาใช้เป็นฉนวนประวัติของปาร์ติเกิลบอร์ดนั้น ถูกคิดขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงที่ขาดแคลนไม้ โดยมีการใช้ครั้งแรกในโรงงานที่เมืองเบรเมน ประเทศเยอรมนี โดยได้นำเศษไม้ ขี้เลื่อย หรือชิปไม้ จากโรงงานมาทุบรวมกันให้มีขนาดเล็ก และนำมาอัดใส่สารเคมีให้เป็นเนื้อเดียวกัน

ฮาร์ดบอร์ด (hardboard) หรือเรียก เอชดีเอฟ (HDF - high-density fiberboard) เป็นไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นสูง ซึ่งเป็นไม้วิศวกรรมประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับปาร์ติเกิลบอร์ด และเอ็มดีเอฟ แต่มีความหนาแน่น และความแข็งแรงสูงกว่า ฮาร์ดบอร์ดสร้างมาจากเศษไม้ที่มีการบดละเอียด และมีการอัดที่ความดันสูง ฮาร์ดบอร์ดแตกต่างจากปาร์ติเกิลบอร์ดที่ไม่จำเป็นต้องมีวัสดุประสาน แต่ในการใช้งานนั้นมักจะมีการใส่เรซินเติมเข้าไปอยู่บ้าง วีเนียร์ ฟอร์มีกา และไวนิล นิยมใช้ในการตกแต่งผิวหน้าของฮาร์ดบอร์ด

ฮาร์ดบอร์ดนิยมนำมาใช้ใน งานก่อสร้าง ฮาร์ดบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ ตู้ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และมักจะนิยมมาใช้เป็นผิวชั้นนอกสำหรับทำแรมป์ของสเก็ตบอร์ดอีกด้วยครับ

5.วีเนียร์(Vineer)
วีเนียร์ (veneer) หรือ ไม้วีเนียร์ (wood veneer) เป็นไม้ชิ้นบางๆ ที่มีขนาดบางกว่า 3 มม. (1/8 นิ้ว) ใช้ในการแปะติดกับแผ่นไม้อัด ปาร์ติเกิลบอร์ด และ เอ็มดีเอฟเพื่อใช้ในการสร้างลวดลายไม้ วีเนียร์นิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ ทำประตู ทำตู้ รวมไปถึงพื้นไม้ปาร์เก้ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วยลดการใช้ไม้ประเภทต่างๆ ได้อย่างมาก รวมทั้งทำให้นักออกแบบก็สามารถทำการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้มีลวดลายต่างๆได้มากขึ้นด้วยครับ แล้วผมจะเอาขั้นตอนการทำไม้อัดลวดลายต่างๆมาเล่าให้ฟังนะครับ



ส่วนรูปนี้เป็นแผ่นบอร์ดที่กำลังจะอัดแผ่นวีเนียร์ สำหรับใช้งานเฟอร์นิเจอร์ ครับ












ไม่มีความคิดเห็น: